http://plus.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com
 

 หน้าแรก

 บทความ

 ข่าวสาร

 รวมรูปภาพ

 เว็บบอร์ด

สถิติ

เปิดเว็บ14/06/2010
อัพเดท03/04/2024
ผู้เข้าชม129,953
เปิดเพจ166,046
สินค้าทั้งหมด2

ออคเทนพลัสกับเครื่องยนต์ เบนซิน

ออคเทนพลัสกับรถ ดีเซล

ประสพการณ์จริงจากผู้ใช้

กับรถใช้แก๊ส

สามัญ ประจำรถ

เรื่องน่ารู้มือใหม่

หาซื้อได้ที่

ใช้ได้จริงหรือไม่ถูกหลอก

วิธีคิด (ลอกมาให้อ่าน) เพื่อสู้ต่อไป

E 85

ประหยัดตรงไหน

ปฎิทิน

« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
iGetWeb.com
AdsOne.com

น้ำมันบูด

ความเห็นของปัญหานี้ใน Gasohol ครับ:

1. ของเหลวทุกอย่าง ถ้าตั้งทิ้งไว้ ค่อยๆ ระเหยจนหมดได้แน่นอนขนาดน้ำในแก้ว น้ำในบ่อ ฯลฯ ถ้าทิ้งไว้ในห้องเปิด ไม่มีการเติมมันจะค่อยๆ ระเหยสู่อากาศ จนหมดไปเอง

2. แต่ในถังน้ำมัน มันกึ่งเปิด-กึ่งปิดครับ ไม่ใช่ระบบปิด 100% เพราะมันที่ท่อหายใจ+วาล์วคุมอยู่
เมื่อน้ำมันในถัง ถูกดูดไปจ่ายเข้าเครื่องยนต์ไปเรื่อยๆ ปริมาณน้ำมันในถัง จะลดลงๆ
วาล์วตรงท่อหายใจ ต้องยอมให้อากาศเข้าจากภายนอกมาแทนที่บ้าง นึกถึงเจาะรูกระป๋องนม ทำไมต้องเจาะสองข้าง

ทุกครั้งที่อากาศเข้ามาใหม่ ไอน้ำมัน/แอลกอฮอล์ในแก๊สโซฮอล์ จะระเหยขึ้นไปในอากาศส่วนที่มาใหม่เสมอ
จนมันสมดุล มันก็จะหยุดระเหย มีแค่นี้ครับ มันระเหยเท่านี้จริงๆ

ไอ้ที่ว่า จอดรถตากแดดทุกวัน แล้วน้ำมันพร่องไปๆ อันนั้น รถเค้าผิดปกติแล้วล่ะ ถึงไม่เติมแก๊สโซฮอล์
ใช้เบนซินเพียวๆ ก็ระเหยหายไปอยู่ดีครับ

3. ส่วนเรื่องน้ำมันบูด มีจริงนะครับ
น้ำมันทิ้งค้างไว้ จะที่ไหนก็ตาม มันจะเสื่อมสภาพได้ครับ แต่ระยะเวลาก็ระยะนึง (ผมไม่รู้ว่า นานแค่ไหน)
แต่ไม่ใช่ 2-3 วัน แล้วก็ไม่ได้นานจนเป็นปี 2 ปีครับ
สาร additive เสื่อมบ้าง แอลกอฮอล์ระเหยบ้าง น้ำบ้าง..

จริงทิ้งน้ำมันไว้เป็นเดือนมันก็บูดได้ ไม่ว่าจะอยู่ในรถ หรืออยู่ในปั้ม

มันก็จะเสื่อมสภาพครับ ดมกลิ่นก็ได้ครับ กลิ่นมันผิดกันอยู่ระว่างน้ำมันปกติกับน้ำมันบูด


----------

ทำไมกรองเบนซินถึงตัน

ผมมีความเห็นแตกต่างนะครับ เกี่ยวกับการใช้ Gasohol (ความเห็นส่วนตัวของนักเคมีที่ผลิต Gasohol ในโรงกลั่นนะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
(1) Gasohol (E10) = น้ำมันเบนซินพื้นฐาน 90% + Ethanol 10% (C2H5OH or C2H6O)
(2) Gasoline-เบนซิน (MTBE 10%) = น้ำมันเบนซินพื้นฐาน 90% + MTBE 10% (C5H12O)

ปัญหาที่พบกับปั้มติ๊กคือการเกิด Gum (ยางเหนียว) ขึ้นแล้วไปเกาะกับกลไกการทำงานของปั้มติ๊กที่ว่า ซึ่ง Gum นี้ปกติจะมี อยู่ในน้ำมันทั้งสองชนิดได้ไม่เกิน 4 mg/100mL ของน้ำมันเท่ากันทั้งใน Gasohol และ Gasoline (ตรวจวัดก่อนออกจากโรงกลั่น ซึ่งปกติจะวัดจริงใน Gasoline แต่ทึกทักว่ามีเท่ากันกับน้ำมันเบนซินพื้นฐาน 90% ใน Gasohol- หมายเหตุ: น้อยมากที่จะตรวจวัดค่าต่างๆ ใน Gasohol ส่วนใหญ่จะวัดในเบนซินพื้นฐานแล้วเอาไปเติมEthanol 10% )
ค่านี้จะไม่คงที่ มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ ความคงตัวต่อการออกซิไดซ์โดยออกซิเจนและโอกาสสัมผัสออกซิเจนของน้ำมันนั้นๆ

และมีค่าอีกหนึ่งตัวเร่งที่จะทำให้เกิด Gum เพิ่มขึ้นขณะเก็บในถังน้ำมันก็คือ ค่า Oxidation Stability (ค่าความคงตัวต่อการออกซิไดซ์โดยออกซิเจน) ซึ่งค่านี้ปกติจะต้องมีค่ามากกว่า 360 นาที ทั้งใน Gasohol และ Gasoline (ตรวจวัดก่อนออกจากโรงกลั่น ซึ่งปกติจะวัดจริงใน Gasoline แต่ทึกทักว่ามีเท่ากันกับน้ำมันเบนซินพื้นฐาน 90% ใน Gasohol- หมายเหตุ: น้อยมากที่จะตรวจวัดค่าต่างๆ ใน Gasohol ส่วนใหญ่จะวัดในเบนซินพื้นฐานแล้วเอาไปเติมEthanol 10% )
ค่านี้จะไม่คงที่ มันจะลดลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ ความคงตัวต่อการออกซิไดซ์โดยออกซิเจนและโอกาสสัมผัสออกซิเจนของน้ำมันนั้นๆ

และมีอีกคุณสมบัติหนึ่งที่เป็นตัวเร่งทำให้เกิด Gum ที่แตกต่างกันของ Gasohol และ Gasoline คือ คุณสมบัติการอมน้ำ (H2O) ที่แตกต่างกันของ Ethanol และ MTBE ซึ่งปกติ Ethanol จะอมน้ำได้มากกว่า MTBE ประมาณ 3 เท่า และน้ำที่มีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบนี้ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ค่า Gum เพิ่มขึ้น Oxidation Stability ลดลง
ค่านี้จะไม่คงที่ มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ และโอกาสสัมผัสความชื้นของน้ำมันนั้นๆ

และมีอีกคุณสมบัติหนึ่งที่เป็นตัวเร่งทำให้เกิด Gum ทั้งใน Gasohol และ Gasoline คือ โอกาสในการสัมผัสกับออกซิเจน ยิ่งมีโอกาสสัมผัสมาก Gum ก็จะเพิ่มได้เร็วและมากขึ้น

และมีอีกคุณสมบัติหนึ่งที่เป็นตัวเร่งทำให้เกิด Gum ทั้งใน Gasohol และ Gasoline คือ การเก็บน้ำมันไว้นาน (เวลา) ยิ่งเก็บนานทั้งในปั๊มและในถังน้ำมันรถ Gum ก็จะเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นผมขอสรุปสาเหตุหลักของปัญหาและแนวทางแก้ไขไว้ดังนี้นะครับ

(1) ปัญหาจากปริมาณ Gum (ยางเหนียว) จากโรงกลั่น: ถ้าอยากมั่นใจ 100% ก็ในเติม Gasoline เพราะมั่นใจได้ว่ามีไม่เกิน 4 mg/100mL ก่อนออกจากโรงกลั่นแน่ๆ ครับแต่ต้องแลกกับการจ่ายเงินที่เพิ่มขึ้น หากต้องการใช้ Gasohol ให้เลือกใช้จากบริษัทที่มีการตรวจวัด QC ที่เข้มข้นหน่อยครับ เช่น ปตท Shell ESSO Caltex

(2) ปัญหาจากปริมาณ Gum (ยางเหนียว) ที่เพิ่มขึ้นในปั๊ม:ให้เลือกเติม Gasohol ที่ปั๊มที่มีการบริหารจัดการถังเก็บที่ดี มีการตรวจวัดการรั่วซึ่มอยู่เสมอ และมี Turn over rate ของน้ำมันที่ปั้มสูงๆ จะได้ไม่มีการเก็บน้ำมันไว้นานเกินไป วิธีการเลือกปั๊มแบบง่ายๆ ก็คือ ปั้มใหม่ คนเติมเยอะๆ และอาจจะเลือกปั๊มที่เป็นของบริษัทน้ำมันลงทุนและบริหารระบบเองโดยให้เจ้าของที่ดินเ
ป็นหุ้นส่วนและจัดการหน้าปั๊ม (สงเกตุป้ายบริษัทด้านในปั๊มว่าเป็นของเถ้าแก่หรือของบริษัทน้ำมัน)

(4) ปัญหาจากปริมาณ Gum (ยางเหนียว) ที่เพิ่มขึ้นในถังน้ำมันรถยนต์: แก้ได้โดยหลีกเลี่ยงการเก็บน้ำมันไว้ในถังโดยไม่ได้ใช้เกินหนึ่งเดือน และหลีกเลี่ยงการปล่อยให้มีปริมาณน้ำมันในถังต่ำ (เพราะส่วนที่ไม่ใช่น้ำมันในถังก็คือ อากาศและในอากาศจะมีออกซิเจนอยู่ 19-21 % และซิเจนนี่แหละคือตัวการที่ทำให้เกิด Gum)

(5) ค่า Oxidation Stabilty (ค่าความคงตัวต่อการออกซิไดซ์โดยออกซิเจน): ไม่ค่อยเป็นประเด็นใน Gasoline จะมีแต่ใน Gasohol เพราะไม่มีการตรวจวัดจริงก่อนออกจากโรงกลั่น ถ้ากังวลกับเรื่องนี้กว่ามีทางเลือกเดียวคือ เติม Gasoline

(6) ปัญหาคุณสมบัติการอมน้ำ (H2O) ที่แตกต่างกันของ Ethanol และ MTBE: ให้เลือกเติม Gasohol ที่ปั๊มที่มีการบริหารจัดการถังเก็บที่ดี มีการตรวจวัดการรั่วซึ่มอยู่เสมอ และมี Turn over rate ของน้ำมันที่ปั้มสูงๆ จะได้ไม่มีการเก็บน้ำมันไว้นานเกินไปซึ่งเสี่ยงต่อการดูดความชื้น วิธีการเลือกปั๊มแบบง่ายๆ ก็คือ ปั้มใหม่ คนเติมเยอะๆ และอาจจะเลือกปั๊มที่เป็นของบริษัทน้ำมันลงทุนและบริหารระบบเองโดยให้เจ้าของที่ดินเ
ป็นหุ้นส่วนและจัดการหน้าปั๊ม (สงเกตุป้ายบริษัทด้านในปั๊มว่าเป็นของเถ้าแก่หรือของบริษัทน้ำมัน)

(7) ปัญหาเรื่องเวลาเก็บน้ำมันในถังนานและปล่อยให้สัมผัสความชื้นในอากาศ: แก้ได้โดยหลีกเลี่ยงการเก็บน้ำมันไว้ในถังโดยไม่ได้ใช้เกินหนึ่งเดือน และหลีกเลี่ยงการปล่อยให้มีปริมาณน้ำมันในถังต่ำ (เติมให้เต็มถังหรือเกือบเต็มถังตลอดเวลาหรือให้มากที่สุด)


ปัญหาที่พบในความเป็นจริงส่วนใหญ่คือมีการปลอมปนน้ำมันจากปั้มที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีการปนเปื้อนจากระบบจ่ายน้ำมันของปั้มที่ชำรุดมากกว่าปัญหาของตัวรถ ซึ่งปัญหานี้มีอยู่ตลอดแม้กับน้ำมัน ULG95 แต่มักไม่ค่อยเป็นข่าว ต่างจาก Gasohol ซึ่งพอผู้ใช้เติมแล้วมีปัญหามักจะโทษตัวน้ำมันแต่ไม่ตรวจสอบปั้มที่ขายน้ำมัน


ที่มา(บางส่วน) credit: Innova club

 สำหรับ อาการรถที่มีปัญหา จากการเก็บน้ำมันไว้ในถังนานๆ

 1 ในบางคัน จะมี สนิมเกิดขี้น ใต้ ฝาปิดถังน้ำมัน ถ้าถังยังเป็นเหล็กอยู่ก็เตรียมเปลี่ยนถังใหมได้เลยครับ

 2 จะมีอาการสตาร์ท ติดยากมากๆ เพราะปํ๊มติ๊ก ฉีดน้ำมันไม่ค่อยขี้น

 3 ตัวเรกูเรเตอร์ จะตัน มีคราบเหนียว

 4 มีกลิ่นน้ำมันเหม็นมากๆ

 5 การสตาร์ท มีการระเบิด บางครั้ง

 6 สตาร์ท ติด พอเอาไปวิ่ง เหยียบไม่ไป มีการสะอึกดับ

วิธีแก้ไข

 1 อาการไม่สาหัสนัก เติม เบนซิน 91 95 100 แล้ววิ่งด้วยน้ำมันล้วน สักระยะ หรือให้หมดถัง

    ถ้าไม่หาย

 2 เสียเงิน ล้างถัง ดูปั๊มติ๊ก ละครับ ถ้าล้างคราบน้ำมันออกหมด เช็คติ๊กมีกำลังก็ไม่ต้องเปลี่ยนปํ๊มนะครับ

 3 ถ้ามีอาการ อยู่ ก็ เติม 100 POWER OCTANE แล้ววิ่ง ลากเกียร์ ต่ำ สลับกับ วิ่งปกติ ประมาณ 20 กม

    แล้ววิ่งธรรมดา ถ้าไม่ตื้อก็หายแล้วครับ

จริงๆ แล้ว การใช้แก๊ส วิ่ง ไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่ใช้แก๊ส อย่างเดียว เพราะเครื่องยนต์ มีอายุการใช้งานกับระบบน้ำมัน ก็ยังมีการสีกหรอของชิ้นส่วนมากอยู่แล้ว พอการนำมาใช้แก๊สซี่งคุณสมบัติการใช้

แตกต่างมาก ลองถามพี่แท๊กซี่ สิ ว่า รถ เปลี่ยนเครื่องมาเท่าไรแล้ว 

รถของเรา ใช้เองก็ควรใช้น้ำมันบ้าง ไม่ใช้ พอสตาร์ท ติด วิ่งไม่ถึุงกม. ก็เปลี่ยนเป็นแก๊สเพื่อความประหยัด

อย่างไร ตอนติดเครื่อง วิ่งวันละ 5-6 โล ก็น่าจะดีนะครับ เสียค่าน้ำมัน ไม่ ถึง 20 บาท แต่ช่วยรักษาเครื่องยนต์

ให้อยู่กับเราไปได้อีกนาน

   การใช้รถเติมน้ำมันไว้ แต่ไม่วิ่งพัง นะครับ ปั๊มติ๊ก หัวฉีด เจอคราบ Gum ไปไม่เป็นเลย

ที่เขียนมานี่เพราะ มีลูกค้าเข้าใจผิด ว่าเติมหัวเชื้อ แล้วทำให้น้ำมันมีผลกลายเป็นยางเหนียว ทำให้รถพัง
ขอยืนยันนะครับ ว่า สินค้าของเรา มีจำหน่ายในร้านซ่อมรถยนต์ ซึ่งอู่เหล่านี้คงไม่ไปเอากำไรนิดหน่อยไป

ทำชื่อเสียงอู่รถเขาเสียหาย ซึ่งรถลูกค้ารายนี้วิ่งได้ปกติแล้วครับ เอารถไปให้ช่างตรวจสอบ 

ช่างบอกว่าปํ๊มไม่เสีย เพราะวิ่งได้ 140 กม./ชม. แต่คราบ Gum ยังไม่หมด ให้วิ่งน้ำมันให้หมดถังใส่หัวเชื้อวิ่ง

ก็คงไม่ต้องล้างถัง เพราะพอรถวิ่งได้ ขนาดนี้ แล้วไม่สะอึกไม่ตี้อ ก็เหลือ แต่อาการ สตาร์ทยาก ถ้าไม่หายก็คงต้องเปลี่ยนติ๊ก เพราะ รถก็มีอายุหลายปีแล้ว เหมือนกัน

 อย่างไร ก็ควรวิ่งน้ำมันให้ใกล้หมดถัง สัก เดือน 2 เดือนครั้งแล้วเติมใหม่ไว้นะครับ ไม่ใช้เติมเต็มถัง ครี่งถัง

ตอนน้ำมันลดราคา แล้ว เก็บไว้ ในรถ เป็นปี โดยเฉพาะ แก๊สโซฮอล์ มีปัญหาแน่นอนครับ หรือไม่ก็วิ่งแก๊สตลอด

กะ มีน้ำมันไว้กรณีฉุกเฉิน พอ วิ่งน้ำมัน เลย เรียบร้อย รถ ไปไม่เป็น เปลี่ยนนะครับ เติมสัก 10-20ลิตร วิ่งให้หมดแล้วค่อยเติมใหม่ ดีกว่าปล่อยน้ำมันค้่างถัง ปัญหาจะตามมามากมายนะครับ


ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 ติดต่อเรา

view